เมนู

สัญเจตนิยวรรคที่ 3

10. เจตนาสูตร


ว่าด้วยความได้อัตภาพ 4 ประการ


[171] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อกายมีอยู่ สุขทุกข์ที่เป็นภายใน
(เกิดขึ้นแก่ตน) ย่อมเกิดขึ้นเพราะกายสัญเจตนา (ความจงใจทำทางกาย)
เป็นเหตุ หรือเมื่อวาจามีอยู่ สุขทุกข์ที่เป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะวจีสัญ-
เจตนา (ความจงใจทำทางวาจา) เป็นเหตุ หรือเมื่อใจมีอยู่ สุขทุกข์ที่เป็น
ภายในก็ย่อมเกิดขึ้น เพราะมโนสัญเจตนา (ความจงใจทำทางใจ) เป็นเหตุ
อีกอย่างหนึ่ง เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย บุคคลย่อมปรุงแต่งกายสังขาร
วจีสังขาร มโนสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในนั้นเกิดขึ้นด้วยตนเอง
บ้าง คนอื่นปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขารของบุคคลนั้น
อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นบ้าง บุคคลนั้นรู้อยู่
ปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขารนั้น อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน
เกิดขึ้นบ้าง บุคคลนั้นไม่รู้ ปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร
นั้นอันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อวิชชา
ย่อมติดตามไปในธรรมเหล่านี้
เพราะอวิชชาดับสิ้นไปไม่เหลือ กาย วาจา ใจ ย่อมไม่เป็นปัจจัย
ให้สุขทุกข์ภายในนั้นเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้น เขตอันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน
นั้นเกิดขึ้นย่อมไม่มี วัตถุ อายตนะ อธิกรณะ อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์
ภายในนั้นเกิดขึ้น ก็ย่อมไม่มี

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความได้อัตภาพ 4 นี้ ความได้อัตภาพ 4 คือ
อะไรบ้าง คือ ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของตนนำไป มิใช่สัญเจตนาของ
ผู้อื่นนำไปก็มี ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของผู้อื่นนำไป มิใช่สัญเจตนาของ
คนนำไปก็มี ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของคนนำไปบ้าง สัญเจตนาของ
ผู้อื่นนำไปบ้างก็มี ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของตนนำไปก็มิใช่ สัญเจตนา
ของผู้อื่นนำไปก็มิใช่ก็มี ภิกษุทั้งหลาย นี้แลความได้อัตภาพ 4
เนื้อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พระสารีบุตรกราบทูลขึ้นว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโดยย่อนี้ ข้าพระพุทธเจ้า
ทราบเนื้อความกว้างออกไปอย่างนี้คือ ในความได้อัตภาพ 4 นั้น ความได้
อัตภาพที่สัญเจตนาของตนนำไป มิใช่สัญเจตนาของผู้อื่นนำไปนี้ การจุติจาก
อัตภาพนั้นแห่งเหล่าสัตว์ (ผู้ได้อัตภาพนั้น) ย่อมมีเพราะสัญเจตนาของตน
เป็นเหตุ ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของผู้อื่นนำไป. มิใช่สัญเจตนาของตน
นำไปนี้ การจุติจากอัตภาพนั้นแห่งเหล่าสัตว์ (ผู้ได้อัตภาพนั้น) ย่อมมีเพราะ
สัญเจตนาของผู้อื่นเป็นเหตุ ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของตนนำไปบ้าง
สัญเจตนาของผู้อื่นนำไปบ้างนี้ การจุติจากอัตภาพนั้นแห่งเหล่าสัตว์ (ผู้ได้
อัตภาพนั้น) ย่อมมีเพราะสัญเจตนาของตนบ้าง สัญเจตนาของผู้อื่นบ้างเป็นเหตุ
ส่วนความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของตนนำไปก็มิใช่ สัญเจตนาของผู้อื่นนำไป
ก็มิใช่นี้ เหล่าสัตว์ (ผู้ได้อัตภาพนั้น) ได้แก่เทวดาจำพวกไหน.
พ. ตรัสตอบว่า ได้แก่เทวดาเหล่าเนวสัตานาสัญญายตนะ.
พระสารีบุตรกราบทูลถามต่อไปว่า อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย
พระพุทธเจ้าข้า ที่ทำให้เหล่าสัตว์บางพวกผู้จุติจากอัตภาพ (เนวสัญญานา-
สัญญายตนะ) นั้นแล้ว เป็นอาคามี มาสู่อัตภาพอย่างนี้อีก อนึ่ง อะไรหนอ
เป็นเหตุเป็นปัจจัย ที่ทำให้เหล่าสัตว์บางพวกผู้จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เป็น
อนาคามี ไม่มาสู่อัตภาพอย่างนี้อีก.

พ. ตรัสตอบว่า บุคคลละสังโยชน์เบื้องต่ำยังไม่ได้ แต่ได้เนว-
สัญญานาสัญญายตนะในปัจจุบันนี้ บุคคลนั้นติดใจยินดีปลื้มเปรมด้วย
เนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ยับยั้งอยู่ในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ปักใจ
ในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ช่ำอยู่ด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น
ไม่เสื่อม จนทำกาลกิริยา ย่อมไปเกิดอยู่ร่วมกับเทวดาเหล่าเนวสัญญานาสัญ-
ญายตนะ บุคคลนั้นจุติจากอัตภาพนั้นย่อมเป็นอาคามี มาสู่อัตภาพอย่างนี้อีก
ส่วนบุคคลบางคนละสังโยชน์เบื้องต่ำได้แล้ว ได้เนวสัญญานาสัญญายตนะใน
ปัจจุบันนี้ บุคคลนั้นติดใจยินดีปลื้มใจด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ฯลฯ
ไม่เสื่อม จนทำกาลกิริยา ย่อมไปบังเกิดอยู่ร่วมกับเทวดาเหล่าเนวสัญญานา
สัญญายตนะ บุคคลนั้นจุติจากอัตภาพนั้นย่อมเป็น อนาคามี ไม่มาสู่อัตภาพ
อย่างนี้อีก ดูก่อนสารีบุตร นี่แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ทำให้เหล่าสัตว์บางพวก
จุติจากอัตภาพนั้นแล้วเป็นอาคามี มาสู่อัตภาพอย่างนี้อีก บางพวกจุติจาก
อัตภาพนั้นแล้วเป็นอนาคามี ไม่มาสู่อัตภาพอย่างนี้อีก.
จบเจตนาสูตรที่ 1

สัญเจตนิยวรรควรรณนาที่ 3



อรรถกถาเจตนาสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในเจตนาสูตรที่ 1 แห่งวรรคที่ 3 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า กาเย ได้แก่ เมื่อกายทวาร อธิบายว่า เมื่อความเคลื่อนไหว
ทางกายมีอยู่. ในบทว่า กายสญฺเจตนาเหตุ เป็นต้น ความสำเร็จแห่งเจตนา